วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562

15 เมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประเทศฝรั่งเศส


พอพูดถึงการไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศสคนส่วนมากมักนึกถึงแต่เมืองใหญ่อย่างปารีส แต่จริงๆแล้วฝรั่งเศสยังเต็มไปด้วยเมืองที่มีเสน่ห์อีกมากมายทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ ของขึ้นชื่อ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติต่างๆที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศอันผ่อนคลายพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด หรือกระทั่งเมืองบรรยากาศโบราณที่มีกลิ่นอายความเป็นยุคกลางเต็มเปี่ยม ที่สำคัญแต่ละเมืองที่เราแนะนำบรรยากาศท่องเที่ยวไม่แออัดคนไม่เยอะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์สบายๆ เพื่อรีเฟรชร่างกายให้เต็มที่ และใช้ช่วงเวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าสุดๆ ตามเรามาดู 15 เมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประเทศฝรั่งเศสกันเลย

1. Nice
Photo by Tobi 87 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Hafen_von_Nizza.jpg [CC by-sa 4.0]
นีส(Nice) เมืองตากอากาศมีบรรยากาศชายหาดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดฟิน ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่เสาะหาสถานที่ฮันนีมูนแสนโรแมนติก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็นท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับต้นๆและยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของฝรั่งเศส สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมีความหลายหลาย เนื่องมาจากสถานที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะเที่ยวแนวผจญภัยก็ได้หรือจะต้องการซึมซับความบรรยากาศชายหาดอันงดงามก็ดี ยิ่งช่วงฤดูร้อนท้องฟ้าปลอดโปร่งตัดกับท้องทะเลสีฟ้าสดเป็นอะไรที่น่าเที่ยวมากที่สุด ชายหาดที่แนะนำนั่นคือ ลา โพรเมอ นาด เด ซอง เกส (La Promenade des Anglais)


2. Aix-en-Provence
Photo by Ddeveze from commons.wikimedia.org/wiki/File:Aix-en-Provence_cloître_Couvent_des_Prêcheurs.jpg [CC by-sa 4.0]
เอ็ก ซอง โปรวองซ์(Aix-en-Provence) อดีตเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์ที่มีสิ่งบ่งชี้ถึงความเจริญในยุคเก่าก่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรือโบราณสถานสำคัญต่างๆ ที่บางแห่งมีอายุมากกว่า 600 ปี โดยเฉพาะบริเวณถนนสายหลักของเมืองอย่าง ถนนมิราโบ (le cour Mirabeau) ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่วมรื่นและทิวทัศน์ของเมืองเก่าที่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมการสร้างแบบดั้งเดิมไว้ หากมองหาร้านตกแต่งเก๋ๆเอาไว้นั่งพักแบบชิลๆก็มีร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสให้เลือกหลายร้าน ที่แต่ละร้านล้วนมีทีเด็ดและเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าค้นหา อีกประการที่พลาดไม่ได้คือการเดินชมน้ำพุที่ว่ากันว่ามีมากถึง 100 แห่งรอบเมืองเลยทีเดียว


3. Pont Audemer
Photo by JacoNed from /commons.wikimedia.org/wiki/File:Pont_Audemer_stroompje.png [CC by-sa 4.0]
ปง อูดูแมร์(Pont Audemer) เมืองขนาดเล็กๆที่มากไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่อย่างกับหลุดมาจากเทพนิยายโบราณ ด้วยการคงรูปแบบอาคารบ้านเรือนตามสไตล์ half-timbered  ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Haute-Normandie ทางตอนบนของฝรั่งเศส ตัวเมืองอยู่บนพื้นที่เนินเขาลูกเล็กๆรายล้อมด้วยแม่น้ำ Risle มีสถานที่ไฮไลท์อีกแห่งนั่นคือโบสถ์ Saint-Ouen ที่ยังคงความงดงามทั้งภายในและภายนอกด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างแบบสไตล์เรอเนสซองส์ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านมากนัก เหมาะกับการมาสัมผัสถึงวิถีชีวิตชาวในแถบชนบทที่แตกต่างจากความวุ่นวายแบบเมืองใหญ่


4. Rennes
Photo by Édouard Hue from commons.wikimedia.org/wiki/File:Vue_nord-ouest_de_la_place_du_parlement_de_Bretagne,_Rennes,_France.jpg [CC by-sa 4.0]
แรน(Rennes)เมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตึกอาคารสไตล์เรอเนสซองส์ของยุคกลาง ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Brittany ทางตะวันตกของฝรั่งเศส ในส่วนตัวเมืองอยู่บนเนินระหว่างที่มีแม่น้ำอีลและแม่น้ำวีแลนไหลมาบรรจบกันโดยเฉพาะจัตุรัส Place du Champ Jacquet ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่าบริเวณใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิม  และยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมหาวิหารแซ็ง-ปีแยร์แห่งแรนที่อาจไม่เป็นที่รู้จุกมากนัก หากก็มีความงดงามแบบคลาสสิกที่น่าค้นหา


5. Bordeaux
Photo by Xellery from commons.wikimedia.org/wiki/File:Place_de_la_Bourse,_Bordeaux,_France.jpg [CC by-sa 4.0]
บอกโดซ์(Bordeaux) เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องไร่องุ่นและไวน์รสชาติเยี่ยมยอด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส การรันตีความดีงามจากการได้รับโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในยุโรปของปี 2015 คนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบเมืองนี้แน่ๆเพราะไม่ว่าจะไปด้านไหนมุมใดก็ถ่ายรูปออกมาอย่างงาม ด้วยความที่เป็นเมืองที่ขนาบข้างด้วยแม่น้ำการอน ทำให้มีแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเป็นสะพานปิแอร์ (Pont de Pierre) แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ทึ่งคือบริเวณ The Stock exchange square ที่ช่วงกลางคืนจะเห็นถึงเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่งามแปลกตา ยิ่งได้นั่งคาเฟ่ริมน้ำพร้อมจิบไวน์ไปด้วยนี่ฟินย่าบอกใคร


6. รอชฟอ ออง เต(Rochefort en Terre)
Photo by Francis THÉVENEAU from flickr.com/photos/124667819@N06/16330074486 [CC by-sa 4.0]
รอชฟอ ออง เต(Rochefort en Terre) มีบรรยากาศเมืองแบบย้อนยุคที่ติดหนึ่งใน 100 ชุมชมที่งดงามมากที่สุดของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Morbihan แคว้น Brittany ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เดินเข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในฝรั่งเศสยุคกลาง ดูได้จากสถาปัตยกรรมอาคารที่ยังคงรักษาบรรยากาศแบบดั้งเดิมอย่างน่าประทับใจ ยิ่งช่วงฤดูร้อนยิ่งยกระดับความสวยด้วยดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งรายล้อมเมือง ทำให้เมืองที่ดูโบราณมีสีส้นขึ้นทันตาเห็น ตัวถนนก็ยังคงแบบโบราณ แม้กระทั่งสิ่งของต่างๆอย่างบ่อที่ใช้ตักน้ำก็ยังมีให้เห็น ถือเป็นเมืองที่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน


7. ชาโมนิกซ์(Chamonix)
Photo by moi-même from commons.wikimedia.org/wiki/File:Chamonix_(l%27église).JPG [CC by-sa 4.0]
ชาโมนิกซ์(Chamonix) ที่เทือกเขามงบล็อง(Mont Blanc) ด้วยความที่ตั้งอยู่ขอบชายแดนของและสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้อากาศดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวนี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดิน เพราะทัศนียภาพที่มีภูเขาหิมะอยู่ด้านหลังล้อมรอบเมืองเล็กๆประหนึ่งภาพเขียนอีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอากาศหนาวๆ ท่ามกลางหิมะฟูๆที่ปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งรวมทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่รักในกีฬาฤดูหนาว เนื่องจากมีสกีรีสอร์ทตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ให้ได้ลองเล่นสกีกันอย่างจุใจท่ามกลางวิวงามๆที่ได้มาครั้งหนึ่งต้องประทับใจไม่รู้ลืม


8. ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue)
Photo by Vivaverdi from commons.wikimedia.org/wiki/File:L%27Isle-sur-la-Sorgue_water_wheel.jpg [CC by-sa 4.0]
ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue) เป็นเมืองเล็กๆในโปรวองซ์(Provence) ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นตาน้ำใส ที่จะเห็นคูน้ำใสกริ้ง ไหลไปตามถนน รวมทั้งชื่อเสียงขจรขจายไปทั่งโลกด้านของเก่า จากการที่ภายในเมืองเต็มไปด้วยร้านขายของเก่านานาชนิดมากกว่า 300 ร้าน เรียกได้ว่ามองหาสิ่งใดหายากแค่ไหนไม่มีพลาดสิ่งนั้นแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์และวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี จะมีการจัดตลาดนัดของเก่ามีเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 500 ร้าน ที่ไม่เพียงเป็นร้านจากภายในประเทศหรือเมืองเท่านั้น หากยังมีอีกมากมายที่มาจากทุกสารทิศทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ที่เดียว


9. บลัว(Blois)
Photo by Diliff from commons.wikimedia.org/wiki/File:Blois_Loire_Panorama_-_July_2011.jpg [CC by-sa 4.0]
บลัว(Blois) เมืองที่มีความสำคัญศาสนาคริสต์ของฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคกลางจนมาถึงปัจจุบัน มีชัยภูมิติดริมแม่น้ำ Loire ตั้งอยู่ในจังหวัด Loir-et-Cher แคว้น Centre อยู่ทางตอนกลางของฝรั่งเศส โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง พระราชวังบลัว (Château de Blois) ที่มีความงดงามอย่างคลาสสิคสไตล์เรอเนสซองส์ ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ บันไดเวียนหลักที่ปีกพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 อีกองค์ประกอบหนึ่งของพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ บริเวณเมืองอาจได้รับความเสียหายอยู่ไม่น้อยจากช่วงสงคราม แต่ก็มีการบูรณะปรับปรุงให้กลับมาความงดงามแม้ไม่เต็มร้อย หากก็ให้กลิ่นอายยุคโบราณไม่น้อยทีเดียว อีกเรื่องสำคัญคือบริเวณลุ่มแม่้น้ำลัวร์(Loir Valley)นี้ยังเป็นที่อยู่ของกลุ่มปราสาทมากมาย จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกด้วย

10. กอร์ด(Gordes)
Photo by Andrey Ovcharov from commons.wikimedia.org/wiki/File:Gordes,_France_-_panoramio.jpg [CC by-sa 4.0]
กอร์ด(Gordes)เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตโปรวองซ์(Provence)ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในหมู่บ้านแลนด์มาร์คที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างบ้านจากหินภูเขา เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Luberon ที่ดาราดัง มหาเศรษฐีนิยมมาสร้างบ้านตากอากาศกัน มีโซนท่องเที่ยวอยู่กลางหมู่บ้าน ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักใช้เวลาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาประมาณครึ่งวัน นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เก่าแก่ที่ชื่อว่า Abbaye de Sénanque อยู่เลยจาก Gordes ไปเล็กน้อย ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวยอย่างกับในภาพวาดอยู่ด้วย


11. คานส์(Cannes)
Photo by Alistair Cunningham from commons.wikimedia.org/wiki/File:From_the_ferry_to_Ile_Sainte_Marguerite_-_panoramio.jpg [CC by-sa 4.0]
คานส์(Cannes)อาจจะเป็นชื่อที่หลายๆคนอาจคุ้นกันดีจากการเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes ซึ่งไม่ได้มีดีแค่นั้นแต่การที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศสส่งผลให้อากาศคอนข้างดีน่าเที่ยวตลอดทั้งปี แถมยังมีกิจกรรมกลางแจ้งและทางน้ำให้เลือกสนุกแบบเต็มพิกัด อยากเดินเล่นเพลินๆท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลเมดิเตอเรเนียนและอาคารสไตล์ยุโรปก็ทำได้ เพราะมีหาดทรายสีทองทอดยาวตัดกับทะเลสีฟ้าใส ถ้าอยากมีโอกาสกระทบไหล่ดาราดังระดับโลกหรือชมบรรยากาศเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ก็ให้มาช่วงเดือนพฤษภาคม นอกจากร้านยังมีร้านหรูๆให้เดินช็อปไม้แพ้ปารีสที่แถวๆถนน Boulevard de la Croisette และ Rue d’Antibes หรือแม้กระทั่งนั่งตามร้านอาหารที่สามารถนั่งมองริมทะเลงามๆพร้อมๆกับลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสด้วยวัตถุดิบจากสดๆจากทะเล เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่ครบครันไปทุกสิ่งจริงๆ


12. เซเมอร์ ซอง อุกซัวว์(Semur-en-Auxois)
Photo by Renaud MAVRÉ from commons.wikimedia.org/wiki/File:Pont_Pinard_(Semur-en-Auxois)_15-08-2006.JPG [CC by-sa 0.0]
เซเมอร์ ซอง อุกซัวว์(Semur-en-Auxois)เป็นเมืองที่งดงามประหนึ่งหลุดออกมาจากเทพนิยาย ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Burgundy ทางตอนกลางของฝรั่งเศส มีบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ Armançon ตัวบ้านเรือนมีลักษณะแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสในแถบชนบทยุคกลาง ตั้งเรียงรายกันอย่างน่ารักมีเสน่ห์แบบสุดๆ ยิ่งถ้ามองจากมุมที่ตั้งมีแม่น้ำผ่าตรงกลางมีสะพาน Le pont Joly เชื่อมสองฝั่งยิ่งเป็นมุมไฮไลท์ที่ถ่ายรูปออกมาปังมากๆ เดิมทีเมืองแห่งนี้เป็นป้อมปราการช่วงมีสงครามทำให้มีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน พอรวมๆกับบ้านเรือนที่ยังคงรักษาความโบราณได้อย่างดี และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ถือได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆทีมีเสน่ห์ที่น่าค้นหาไม่แพ้เมืองอื่นๆเลยทีเดียว


13. Strasbourg
Photo by Ignaz Wiradi from commons.wikimedia.org/wiki/File:4_of_10_-_La_Petite_France,_Strasbourg_-_FRANCE.jpg [CC by-sa 3.0]
สตาร์บูกซ์(Strasbourg) เมืองติดขอบชายแดนของฝรั่งเศสติดกับประเทศเยอรมนี ทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกในเขตแคว้นอาลซัส ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนจะมีการผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับเมืองไหนๆ แถมไวน์ก็ดีเยี่ยม อาหารพื้นเมืองก็ชั้นยอด รวมทั้งยังสามารถล่องเรือชมเมืองได้ด้วย


14. โกลมาร์(Colmar)
Photo by so Brown FR from flickr.com/photos/isobrown/27813301942 [CC by-nd 3.0]
โกลมาร์(Colmar) เมืองแห่งไวน์แห่งอาลซัสท่ามกลางบรรยากาศเสมือนอยู่ในเวนิซ ตั้งอยู่ในจังหวัดโอ-แร็ง ของแคว้นอาลซัส แถบตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหมาะกับเหล่าคู่รักแบบที่สุดของที่สุด เพราะทั้งอาคารบ้านเรือนสไตล์โบราณผนวกรวมกับธรรมชาติต่างๆ รวมกับมาเป็นบรรยากาศที่ฟินมาก จนได้รับการจัดอันดับให้ติด 1 ใน 10 เมืองโรแมนติกที่สุดในโลก แค่นั้นยังไม่พอเมืองนี้ยังถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นยอด ทำให้มีไร่องุ่นงามๆให้เดินชมหลายที่


15. ลียง(Lyon)
Photo by GIRAUD Patrick from commons.wikimedia.org/wiki/File:Lyon_vue_depuis_fourviere.jpg [CC by-nd 3.0]
ลียง(Lyon) อาจจะไม่ใช่เมืองที่เล็กนักเทียบกับเมืองอื่นๆ แต่ที่นี่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากปารีส ตั้งอยู่ทางตะวันออกตอนกลางฝรั่งเศส ในเขตแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ โอบล้อมด้วยสองแม่น้ำสายสำคัญทั้ง Rhone และ Saone ด้วยความที่เคยถูกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมันมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากโรมอย่างมาก โดยสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองแบบ 360 องศาที่สวยจนแทบลืมหายใจได้ที่ โบสถ์นอเทอร์ดาม (Basilique Notre Dame de Fourviere) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Fourvière นับเป็นจุดแลนด์มาร์กที่ต้องมาเยือของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้



ที่มา:https://www.talontiew.com/15-wonderful-town-in-france/

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส ไปชมกันเลยจ้า   

 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ Louvre Museum


พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัดแสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปพที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ้งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงคราม นำมาจากของบรรณาการจนถึงการอุปถัมภ์ศิลปินให้สร้างสรรค์ผลงานจากบรรดากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์และพระชั้นผู้ใหญ่ในสมัยอดีต
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ถูกขยายให้ยิ่งใหญ่จนสามารถเปิดให้แก่สาธารณชนเพื่อเข้าชมความสวยงามทางศิลปะครั้งแรกในปีค.ศ. 1793 สมัยจักรพรรดินโปเลียน ในปัจจุบันได้มีการจัดแสดงงานศิลปะที่สำคัญระดับโลกไว้อย่างมหาศาลจนเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หลงไหลในความสวยงามทั้งสถาปัตยกรรมที่ออกแบบตัวพิพิธภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากที่อื่นอีกทั้งงานศิลปะที่ล้ำค่า เช่น
Mona Lisa ผลงานโด่งดังของ Leonardo da Vinci ศิลปินชาวตาเลียนชื่อ โมนาลิซ่า เป็นภาพวาดหญิงสาวที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างหลากหลาย จุดเด่นตรงรอยยิ้มที่มุมปาก และดวงตาที่มีเสน่ห์ราวกับมีชีวิตสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมศิลปะชิ้นนี้ได้
ประติมากรรม Nike Winged Victory of Samothrace เทพีแห่งชัยชนะรูปสลักนางฟ้ามีปีกบนเรือหินอันสง่างาม ผู้สร้างมีความสามารถในการแสดงให้เห็นถึงสรีระและความพริ้วไหวของอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของนางฟ้าได้อย่างน่าพิศวง รูปสลักนี้มีอายุประมาณ 190 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ ประติมากรรมที่เคยแตกหักถูกประกับขึ้นจากชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาประติดประต่อกันโดยนักโบราณคดีซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่แล้วเสร็จดี
ประติมากรรมVenus de Milo หรือ the Milos Aphrodite รูปสลักเทพีกรีกเทพีวีนัส ผู้ที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในเหล่าเทพีด้วยกัน ประติมากรรมนี้คาดว่าจะมีอายุมากกว่า 2,100 ปีถูกค้นพบที่เกาะมิโล แถบทะเลเอเจียน ขณะที่หักเป็นสองท่อนโดยบังเอิญไม่พบแขนทั้งสองข้าง แต่ถูกยกให้เป็นงานประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก
ประติมากรรม The Dying Slave รูปสลักหินอ่อน ผลงานของ Michelangelo Buonarroti ซึ่งเป็นจิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลี ศิลปินเอกยุคเรเนอซองส์ เป็นประติมากรรมสลักหินที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จากหินอ่อนมีความสูงเพียง 2.28 เมตรข้อมือซ้ายมัดได้กับด้านหลังของคอ และรอบอกมีผ้าคาด แสดงกายวิภาคของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน โดยนักประวัติศาสตร์อย่าง ริชาร์ด ฟราย ได้ให้ความมายของผลงานชิ้นนี้ไว้ว่า “เป็นนัยยะว่าเป็นชั่วขณะเมื่อชีวิตยอมจำนนต่อพลังอำนาจของความตายที่เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง”
นี้เป็นเพียงผลงานศิลปะบางชิ้นในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เท่านั้นคุณจะเห็นได้ว่าแต่ละผลงานนั้นมีความงดงามน่าตื่นตาตื่นใจอีกทั้งยังเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า ประเมิณราคาไม่ได้ ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงไหลในความสวยงามของธรรมชาติและศิลปะที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเป็นประติมากรรมที่อาจจะแสดงถึงประวัติศาตร์ความรุ่งเรืองของยุคบางยุคแล้วละก็ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)ก็เป็สถานที่หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว!               


     สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก หอไอเฟล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศฝรั่งเศสไปดูกันเลย!!
หอไอเฟล – Eiffel Tower
หอไอเฟลช่วงกลางคืน
       หอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่ไม่มีใครในโลกนี้จะไม่รู้จักของประเทศฝรั่งเศส ตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูงประมาณ 300 เมตร(เทียบกับตึกก็ประมาณ 75 ชั้น) สร้างเป็นรูปแบบหอคอยอย่างในรูปที่เราเห็น ตั้งอยู่แถบถนนที่เรียกว่า ชองป์ เดอ มารส์ ในกรุงปารีส โดยถูกตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่คนออกแบบชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานเหล็กโดยเฉพาะ ผลงานของเขาที่ค่อนข้างโด่งดังจะเป็นการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำดูโรในตอนเหนือของประเทศโปรตุเกส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงให้กุสตาฟสร้างหอไอเฟลขึ้นมาเพื่อใช้เป็นผลงานในการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส และเพื่อแสดงถึงความร่ำรวย ยิ่งใหญ่ รวมถึงความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมของประเทศในขณะนั้นด้วย
ก่อนหน้านี้หอไอเฟลได้โดนตั้งฉายาจากนักวิจารณ์ศิลปแขนงต่างๆว่าเป็นความอัปลักษณ์ของของปารีส เพราะการออกแบบโครงสร้างที่ช่างไม่เข้ากับบ้านเรือนในยุคสมัยนั้น และรัฐบาลคิดแผนไว้ว่าจะรื้อทิ้งหลังจากเฉลิมฉลองเสร็จ แต่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์สุดท้ายแล้วผู้คนก็กลับเริ่มชื่นชอบและเข้าใจถึงศิลปรูปแบบนี้ที่ กุฟตาฟ ไอเฟล ได้คิดขึ้นมา และตอนที่เปิดตัวหอไอเฟล กุฟตาฟได้เดินขึ้นบันไดทั้งหมด 1,710 ขั้น เพื่อไปปักธงชาติ ก็มีประชาชนมากมายโห่ร้องให้กำลังใจ และในที่สุดทำให้องค์การสื่อสารมวลชนตัดสินใจจะเก็บหอไอเฟลไว้ และรัฐบาลก็ยกเลิกการรื้อถอนไปในที่สุด และได้ตั้งศูนย์วิทยุขึ้นที่นี้อย่างถาวร และยังคงใช้มาถึงปัจจุบันนี้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้หอไอเฟลขึ้นชื่อว่าสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกเป็นเวลากว่า 40 ปี (ค.ศ. 1889-1930) อีกด้วย

ต่อคิวขึ้นหอไอเฟล
ตัวหอไอเฟลแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ
  • ส่วนฐาน ส่วนนี้จะเป็นส่วนต้อนรับนักท่องเที่ยว มีของที่ระลึกขายมากมาย และมีซุ้มนิทรรศกาลรอบๆ ที่สำคัญใครอยากซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชั้นบนให้ซื้อจากโซนนี้ได้ หากใครไม่ซื้อก็จะมีบันไดข้างๆเพื่อขึ้นไปชมวิวส่วนกลางของหอไอเฟลก็ได้เช่นกัน
  • ส่วนกลาง เป็นส่วนที่สวย และบรรยากาศดี พื้นที่โล่งเปิดรับให้คนชมบริเวณรอบๆและชมวิวจากข้างบนลงไปข้างล่าง
  • ส่วนยอด ส่วนตรงนี้จำเป็นต้องใช้ลิฟท์ แต่ขอแนะนำให้จองการซื้อตั๋วออนไลน์เพราะมันจะได้ราคาที่ถูกกว่าซื้อในโซนชั้นแรก ยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไหร่ราคาก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
หนึ่งในจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือ ลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีของ Trocadéro เพราะตรงนี้เป็นมุมถ่ายแล้วจะเห็นหอไอเฟลแบบเต็มจอ ไม่มีอะไรมาบังทิวทัศน์แน่นอน